“แพ็กเกจอีวี” ของขวัญปีใหม่ คลังแย้มว้าวกว่ารถคันแรก
หน้าแรก

>

ข่าวทั้งหมด

>

“แพ็กเกจอีวี” ของขวัญปีใหม่ คลังแย้มว้าวกว่ารถคันแรก

981 views

“แพ็กเกจอีวี” ของขวัญปีใหม่ คลังแย้มว้าวกว่ารถคันแรก

“แพ็กเกจอีวี” ของขวัญปีใหม่ คลังแย้มว้าวกว่ารถคันแรก

รถEV

รถยนต์ไฟฟ้ามีเฮ “สุพัฒนพงษ์” มอบของขวัญปีใหม่ ประกาศแพ็กเกจส่งเสริมทั้งผู้ผลิตและคนซื้อ “คลัง” ลั่นว้าวกว่ารถคันแรก ดึงราคาอีวีใกล้เคียงรถใช้เครื่องยนต์ ยันไม่ทิ้งปิกอัพเปิดช่องส่งเสริมใส่มอเตอร์ไฟฟ้า ค่ายรถเด้งรับขึ้นไลน์ผลิต ค่ายญี่ปุ่นบ่นอุบสุญญากาศเมินซื้อรถช่วงนี้รอรถอีวี หวั่นมอเตอร์เอ็กซ์โปกร่อย

จากนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมพลังงานสะอาด และผลักดันให้ประเทศไทยมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ถึง 30% ของยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศภายในปี 2573 โดยรัฐบาลวางโรดแมปส่งเสริมจากบีโอไอ และมีคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติกระตุ้นจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งคืนภาษีหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ

แจกของขวัญปีใหม่คนไทย

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พร้อมจะประกาศแพ็กเกจส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย แพ็กเกจที่จะประกาศนี้จะสนับสนุนทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิต ลูกค้าที่ซื้อรถอีวี ซึ่งการสนับสนุนของรัฐบาลครั้งนี้จะทำให้เกิดดีมานด์ตามโรดแมปที่เราวางไว้ โดยจะสามารถผลิตอีวีได้ถึง 10% ของการผลิตรถยนต์ในปี 2568 และขยายไปถึง 30% ภายใน 2030

“รัฐบาลจะก้าวไปทีละสเต็ปพร้อมเร่งรัดและสนับสนุนการลงทุน ก่อนหน้านี้มีการพูดกันว่าภาษีสรรพสามิตจะเป็น 0% ส่วนประชาชนที่ซื้ออีวีจะได้รับส่วนลดหรือคืนภาษีแบบเดียวกับการคืนภาษีโครงการรถยนต์คันแรก ขอให้อดใจรอฟังความชัดเจนภายในเดือนธันวาคมได้เป็นของขวัญปีใหม่แน่”

ว้าวกว่ารถคันแรก

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สัปดาห์หน้าจะเห็นข้อสรุปชุดมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทย ทั้งในด้านโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในการผลิตและนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งมาตรการจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ได้ให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ไปศึกษาในเรื่องการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างละเอียด

เช่น ตั้งกองทุน เพื่ออุดหนุนราคาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนสูงสุด 20% ของราคาอีวี และยังมีอีกหลายอย่าง ยืนยันได้ว่าจะจูงใจมากกว่าตอนรถคันแรกที่มีการคืนเงินให้ผู้ซื้อรถสูงสุด 1 แสนบาท ทั้งนี้ แพ็กเกจดังกล่าวจะประกาศหลังงานมอเตอร์เอ็กซ์โปสิ้นสุดแล้ว

ขณะที่การสร้างความสมดุลเรื่องโครงสร้างภาษีรถยนต์ไฟฟ้า รอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา แต่ในหลักการในระยะข้างหน้าจะมีการเพิ่มภาษีรถยนต์สรรพสามิตเกือบทุกประเภททั้งรถยนต์นั่ง อีโคคาร์ ไฮบริด รวมถึงปลั๊ก-อิน ไฮบริด เพื่อให้ช่องว่างอัตราภาษีรถยนต์ต่างกัน เพื่อจูงใจในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพราะปัจจุบัน เช่น กลุ่มรถยนต์ไฮบริดที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะเสียภาษีสรรพสามิตเพียง 4% ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าคิดอัตราภาษีอยู่ที่ 2% ต่างกันเพียง 2%

ทั้งนี้ นโยบายการสนับสนุนให้ประเทศไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภาครัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับค่ายรถฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะพยายามทำให้สมดุลมากที่สุด อย่างไรก็ดี หากจะดำเนินตามนโยบายผลักดันเรื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า จะต้องเกิดความพร้อมของรถยนต์ทุกค่าย แต่ขณะนี้ค่ายรถยนต์ที่พร้อมที่สุดอาจจะไม่ใช่รถยนต์ค่ายญี่ปุ่นซึ่งต้องปรับตัวเพื่อสนับสนุนให้เกิดเป็นรูปธรรม

“ค่ายรถญี่ปุ่นไม่ได้ค้านกรณีนโยบายสนับสนุนภาษีรถยนต์ไฟฟ้า เป็นเพราะเขาเองยังไม่มีความพร้อมมากพอเมื่อเทียบกับค่ายรถในประเทศอื่น เช่น ยุโรป หรือจีน ซึ่งทางกรมสรรพสามิตต้องไปสร้างความสมดุลของอุตสาหกรรมในทุก ๆ ค่ายรถยนต์ไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะถ้าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นรู้สึกว่าไม่สะดวกในการมาลงทุนในบ้านเราก็อาจจะมีการย้ายฐานการผลิต ซึ่งเขาก็อยู่กับเรามานาน ไม่อยากเป็นเช่นนั้น” แหล่งข่าวกล่าว

ขุนคลังย้ำราคาใกล้รถสันดาป

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้บอร์ดอีวีได้เข้ามาขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะต้องดูอย่างรอบด้านทั้งการผลิต และแบตเตอรี่ เพื่อให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ ซึ่งมีความคืบหน้าตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงการคลังจะใช้ภาษีสรรพสามิตเข้าไปช่วยหนุน โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่าน

ขณะเดียวกันยังต้องเข้าไปดูเรื่องกลไกราคา เนื่องจากราคารถไฟฟ้าที่ยังมีราคาสูงอาจไม่จูงใจให้คนหันมาใช้ จึงต้องทำให้กลไกราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันหรือรถยนต์สันดาป ส่วนสถานีชาร์จไฟฟ้านั้นอาจต้องใช้กลไกของแบงก์รัฐในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยถูกเข้าไปสนับสนุนให้มีการลงทุนมากขึ้น เพื่อให้มีสถานีชาร์จกระจายทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ